ผลกระทบของนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่ออัตราแลกเปลี่ยน
นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน (Monetary Easing) หรือการใช้นโยบายการเงินแบบขยายตัวเป็นเครื่องมือที่ธนาคารกลางใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยการลดอัตราดอกเบี้ยหรือการเพิ่มปริมาณเงินในระบบ การดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินมีผลกระทบโดยตรงต่ออัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินต่าง ๆ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยและปริมาณเงินมีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงิน
การลดอัตราดอกเบี้ยและผลกระทบต่อค่าเงิน
การลดอัตราดอกเบี้ยเป็นหนึ่งในกลไกหลักของนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ซึ่งมีผลกระทบต่อค่าเงินดังนี้:
- ค่าเงินอ่อนค่าลง: เมื่อธนาคารกลางลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในสกุลเงินนั้นลดลง นักลงทุนต่างชาติอาจขายสกุลเงินนั้นและย้ายเงินทุนไปยังสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ส่งผลให้ค่าเงินอ่อนค่าลง
- กระตุ้นการส่งออก: ค่าเงินที่อ่อนค่าลงทำให้สินค้าส่งออกของประเทศมีราคาถูกลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ส่งผลให้ความต้องการสินค้าส่งออกเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
การเพิ่มปริมาณเงินในระบบและผลกระทบต่อค่าเงิน
นอกจากการลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว การใช้นโยบายขยายตัวทางการเงินยังรวมถึงการเพิ่มปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ เช่น การซื้อพันธบัตรรัฐบาลหรือสินทรัพย์ทางการเงินอื่น ๆ เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง:
- ค่าเงินอ่อนค่าลงจากการเพิ่มปริมาณเงิน: เมื่อปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้น ค่าเงินอาจอ่อนค่าลงเนื่องจากการลดลงของมูลค่าที่สัมพันธ์กับอุปทานที่เพิ่มขึ้น
- ความเสี่ยงของเงินเฟ้อ: การเพิ่มปริมาณเงินมากเกินไปอาจนำไปสู่เงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินในระยะยาว
การตอบสนองของตลาด Forex
นักลงทุนในตลาด Forex มักตอบสนองต่อการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินดังนี้:
- การขายสกุลเงินที่อ่อนค่าลง และย้ายเงินทุนไปยังสินทรัพย์หรือสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
- การซื้อสินทรัพย์ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น หุ้นในประเทศที่มีการใช้นโยบายผ่อนคลาย
สรุปแล้ว นโยบายผ่อนคลายทางการเงินส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนโดยการทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง และอาจกระตุ้นการส่งออกและการลงทุนในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังต่อความเสี่ยงของเงินเฟ้อและการเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มทางเศรษฐกิจในระยะยาว