อัตราส่วนของผู้ชนะและผู้แพ้

กฎเกณฑ์ที่ทุกคนคุ้นเคย บอกเราว่าไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายในระยะยาวหรือระยะสั้น ผู้แพ้มักมีอยู่มากมาย และผู้ชนะมักจะมีเพียงไม่กี่คน ในสถานการณ์ตลาดที่รุนแรง อัตราส่วนระหว่างผู้ชนะและผู้แพ้อาจสูงถึง 9:1 หรือต่ำกว่านั้น ในขณะที่สถานการณ์ตลาดทั่วไป ผู้แพ้และผู้ชนะมีอัตราส่วนใกล้เคียงกับ 7:3 สถิติแสดงให้เห็นว่าถึงแม้ในตลาดหมีครั้งใหญ่ในปี 2000 อัตราส่วนของผู้แพ้ต่อผู้ชนะยังคงสูงถึง 8:2 สิ่งนี้บ่งชี้ว่า ตลาดหมีและตลาดกระทิงไม่สามารถเปลี่ยนโชคชะตาของผู้ที่ขาดทักษะการซื้อขายได้

ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับจิตใจ

มีนักคิดคนหนึ่งฉายว่าว่าจิตใจเป็นกุญแจสำคัญในการกำหนดความสำเร็จหรือความล้มเหลวในการซื้อขาย กล่าวโดยนัยว่าผู้แพ้ที่ทบทวนความล้มเหลวของตนเอง มักจะเสนอ “ข้อสรุป” ว่า “จริงๆ แล้วระดับของฉันสูง แต่จิตใจของฉันไม่ดี” การโยนความรับผิดชอบนี้เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ ดังนั้น ในการสร้างระบอบผู้คนจึงเน้นกลไกการตรวจสอบและถ่วงดุล ในการบริหารองค์กรก็ต้องมีการตรวจสอบจากบุคคลที่สามภายนอกและการควบคุมภายใน

ข้อควรระวังและการเตรียมตัว

สำหรับผู้ซื้อขาย การตัดสินใจ การดำเนินการ และการตรวจสอบคือเรื่องส่วนตัว ไม่มีใครที่จะแจ้งเตือนคุณเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อความล้มเหลว ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับองค์กร การซื้อขายส่วนตัวมีข้อด้อยโดยกำเนิด ในเรื่องนี้ ดิฉันไม่คัดค้านความสำคัญของจิตใจในการเดิมพัน แต่จิตใจที่ดีของคนหนึ่งมีการพัฒนาได้อย่างไร? มันไม่ได้เกิดขึ้นมาเองใช่ไหม? แน่นอนว่าไม่ใช่ เราทราบว่าไม่มีใครเกิดมาพร้อมกับความรู้ จิตใจการซื้อขายที่ดีไม่ได้เกิดจากการพูดคำคมหรือคำกล่าวของใครสักคนในทุกวัน แต่มันต้องใช้การฝึกเตรียมการล่วงหน้าและการฝึกฝนการซื้อขายในระยะยาว

ทรัพยากรที่สำคัญ

สำหรับผู้ค้าที่จำนวนมาก การฝึกเตรียมการล่วงหน้านั้นแทบไม่มีเลย ผลที่ตามมาคือ ก่อนที่จะสามารถมีโอกาสทำกำไรได้ พวกเขาก็ได้ใช้ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของเขาไปจนหมดแล้ว ซึ่งสองทรัพยากรนั้นคือ เงินและความมั่นใจ ถ้าคุณกลายเป็นเช่นนี้ ทางเลือกที่ดีที่สุดของคุณคือการถอนตัวออกจากตลาดและเรียนรู้ใหม่ มิฉะนั้น คุณอย่าได้คาดหวังว่าคุณจะมีจิตใจที่ดี

เหตุผลที่ผู้คนส่วนใหญ่ล้มเหลวในการซื้อขาย

จิตใจที่ดีมาจากการเตรียมการล่วงหน้าและชัยชนะอย่างต่อเนื่องในระหว่างการฝึกฝน แล้วอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ล้มเหลวในการซื้อขาย? จุดสำคัญคือ พวกเขาไม่เข้าใจกฎการซื้อขาย ที่ผมพูดถึงที่นี่ไม่ได้หมายถึงกฎการซื้อขายในตลาด แต่หมายถึงเพื่อนที่ผมพูดถึงไม่เข้าใจกฎการทำกำไรในการซื้อขาย ในสายตาของพวกเขา กฎไม่สามารถพึ่งพาได้ และมักเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิด

พฤติกรรมของผู้ชนะ

โมเดลการกระทำของผู้ชนะคือการปฏิบัติตามระบบการซื้อขายของเขา ระบบนี้อย่างน้อยประกอบไปด้วย 3 ระบบ: ระบบสัญญาณซื้อ ระบบสัญญาณขาย และระบบแก้ไขข้อผิดพลาด ระบบนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าได้ผลและเสถียรในการซื้อขายที่ผ่านมา ดังนั้นผู้ชนะจึงมักไม่สงสัยในระบบของตน และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผู้ชนะมักดื้อดึง และยึดมั่นในมุมมองของตนว่าสิ่งที่ถูกต้อง

การปรับตัวของผู้ชนะ

เมื่อเกิดข้อผิดพลาดในตลาด แสดงว่าระบบของพวกเขาไม่สามารถไวต่อการเคลื่อนไหวของตลาดได้ ผู้ชนะจะปรับเปลี่ยนระบบในจุดนี้ ในสายตาของผู้ชนะ ตลาดกระทิงและตลาดหมีไม่สำคัญ เหมือนกับเกษตรกรที่อาศัยที่ดิน เขาไม่สนใจว่าจะมีการเก็บเกี่ยวมากหรือน้อย เพราะไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ยังคงต้องเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิและเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง นี่คือโชคชะตาและหน้าที่ของเขา โชคชะตาของผู้ชนะก็เช่นเดียวกัน ผู้ชนะจะไม่ละทิ้งโอกาสในการทำกำไรในตลาดหมี และแน่นอนว่าพวกเขาจะไม่เย็นชาต่อการขายในตลาดกระทิง ไม่เช่นนั้นแล้วจะสามารถเรียกว่าผู้ชนะได้อย่างไร?